10 อันดับ “สัตว์” หน้าตาแปลก… ชวนพิศวง

10 อันดับ “สัตว์” หน้าตาแปลก… ชวนพิศวง

 

ไม่น่าเชื่อเลยว่าสัตว์ใน อันดับต่อไปนี้จะมีอยู่จริงบนโลกของเรา เพราะรูปร่างของมันทั้งประหลาด น่ารัก

  น่าพิศวง ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน และนี้คือ 10 สัตว์พิศวงที่ไม่เชื่อว่ามันมีอยู่บนโลกของเรา

 


อันดับ 10 Angora Rabbit

 

 

 

กระต่ายพันธุ์ แองโกล่า ( Angora Rabbit ) เป็นกระต่ายขนยาวที่สุดในโลก ขนมีลักษณะอ่อนนุ่ม มีถิ่น

  กำเนิดมาจาก เมืองแองโกล่า ( Ankara ) ประเทศตรุกี ( Turkey ) เช่นเดียวแมวแองโกล่า, แพะแองโกล่า

  เป็นที่นิยมในประเทศฝรั่งเศสในยุคกลาง ปี ค.ศ.1700 และเข้ามาในอเมริกาประมาณปี 1900

  กระต่ายแองโกล่าแบ่งออกได้เป็น 5 สายพันธุ กระต่ายแองโกล่า สายพันธุ์อังกฤษ, กระต่ายแองโกล่า สาย

  พันธุ์ฝรั่งเศส, กระต่ายแองโกล่า สายพันธุ์ไจแอนท์, กระต่ายแองโกล่า สายพันธุ์ซาติน นอกจากนี้ยังมีการ

  แตกสายพันธุ์อีกมากมาย เช่น จีน, สวิส, ฟินแลนด์ กระต่ายพันธุ์แองโกล่าเหล่านี้ล้วนมีขนาดเล็กมาก อายุ

  เฉลี่ย 5-7 ปี ต้องเลี้ยงในบ้านและดูแลอย่างดีและต้องให้ความอ่อนโยน เพราะอายุไขสั้นอีกทั้งขนยาว ถ้า

  ไม่ดีอาจรุงรัง ตอนนี้ยังไม่พบว่ามีขายทั่วไปในเมืองไทย

@@@####%%%%

อันดับ 9 Dumbo Octopus

 

 


ปลาหมึกดัมโบ้ หรือ Grimpoteuthis เป็นปลาหมึกน้ำลึกขนาดเล็กมาก มีขนาดเมื่อโตเต็มวัย ประมาณ 20

  เซนติเมตร มีร่างกายอ่อนนุ่ม และกึ่งโปล่งใสมีครีบที่มีลักษณะเหมือนใบหูใหญ่บนหัว (แต่ความจริง เป็น

  ลำตัวไม่ใช่หัว) ทำให้ดูเหมือนตัวการ์ตูนช้างดัมโบ้จากการ์ตูนดังของดีสนีย์ (Walt Disney’s)

  ครีบใหญ่นี้มีประโยชน์ในการช่วยว่ายน้ำและการเคลื่อนที่ โดยมันจะใช้ครีบและขยับหนวด ดันน้ำเข้าสู่ช่อง

  ดูดน้ำ เพื่อผลักดันน้ำออกมาเป็นไอพ่น พวกมันสามารถว่ายน้ำลอยขึ้นมาเหนือท้องทะเลได้เล็กน้อย เพื่อ

  มองหาเหยื่อ จำพวก หอยทาก หนอน และอื่นๆ เราสามารถค้นพบปลาหมึกดัมโบได้ทุกมหาสมุทร ที่มีความ

  ลึกประมาณ 100 – 5000 เมตร และเคยมีการค้นพบที่ความลึก 7000 เมตร

  @@@####%%%%

อันดับ 8 Star Nosed Mole

 

 

 

ตุ่นจมูกดาว เจ้าตุ่นชนิดมีหน้าตาแปลกประหลาด โดยลักษณะของจมูกที่บานออกเป็นแฉก ๆ คล้ายดาว

  ซึ่งจมูกนี้มีหนวดรับสัมผัส (fleshy tentacles) ถึง 22 เส้นอยู่รอบรูจมูก ซึ่งปลายสัมผัสที่ “จมูก” รึ “ดาว”

  ของมันมีมากมายราวหนึ่งแสนจุดเลยทีเดียว

  ตุ่นจมูกดาว อาศัยอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มชื้น ทางเขตตอนเหนือของอเมริกา ตะวันออกของแคนนาดา

  ตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ รวมทั้งชายทะเลที่ไกลออกไปถึงตะวันออกเฉียงใต้ของจอร์เจีย เมื่อโต

  เต็มวัยมันมีความยาวประมาณ 15 ถึง 20 เซนติเมตร หนักประมาณ 55 กรัม มีฟัน 44 ซี หากินด้วยการใช้

  กรงเล็บอันทรงพลังในการขุดคุ้ยดินลงในพื้นที่ชุมน้ำหรือตะกอนลำธาร หนวดอันมากมายรอบจมูกของมัน

  จะคอยสอดส่องหาบรรดาเหยื่อ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังตัวเล็กๆ ตัวอ่อนหนอน สัตว์จำพวกหอย

  และปลาหมึก รวมทั้งแมลงในน้ำ

  ประสาทรับสัมผัสอันว่องไวของเจ้าตุ่นตัวนี้ พิสูจน์ได้จากการที่มันสามารถจับเหยื่อเพื่อเขมือบลงท้องได้ใน

  เวลาเพียง 120 มิลลิวินาที (และนี่ก็คือสถิติความเร็วสูงสุดในการระบุตำแหน่งและจัดการกับเหยื่อเคราะห์

  ร้าย) ไม่เพียงแต่บนบก ตุ่นจมูกดาวยังเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่สามารถดมกลิ่นใต้น้ำได้อีกด้วย และด้วย

  ความสามารถนี้เอง ทำให้มันครองตำแหน่งร่วม ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่กินเร็วที่สุดโลก, สัตว์ที่ว่องไว

  ที่สุดในโลกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมชนิดแรกที่ดมกลิ่นหาเหยื่อใต้น้ำได้

@@@####%%%%

อันดับ 7 Narwhal

   

 

  นาร์ วอลนั้นเป็นชื่อในภาษาเดนมาร์ก หมายถึงซากศพ (corpse whale) และหมายถึงวาฬสีเทาพันธุ์ที่มีลาย

  จุดที่เห็นชัดเจน มีอายุยืนประมาณ 35 ปี พวกมันจะใช้ชีวิตในช่วงฤดูร้อนตามอ่าวแถบไฮอาร์กติกในประเทศ

  แคนาดาและ กรีนแลนด์ ในฤดูหนาวนั้นเผ่าพันธุ์วาฬนาร์วอลซึ่งมีจำนวนกว่าห้าหมื่นตัวจะเดินทางไปทางใต้

  ราว 1,400-2,000 กิโลเมตร เป็นระยะเวลาหกเดือน เพื่อใช้ชีวิตอยู่ในน้ำแข็งทึบที่อ่าวบัฟฟินและช่องแคบ

  เดวิส (บริเวณเกาะกรีนแลนด์-กองบ.ก.) โดยทั่วไปวาฬนาร์วอลจะเดินทางเป็นฝูงตั้งแต่ 15-30 ตัว แต่ก็มีผู้

  เคยสังเกตพบว่ามีวาฬจำนวน 1,000-2,000 ตัวที่อพยพมาพร้อมกันในช่วงฤดูร้อนคราวหนึ่งวาฬนาร์วอลเป็น

วาฬที่มีขนาดเล็กกว่าพันธุ์อื่นๆ โตเต็มที่จะมีขนาด ความยาวประมาณ 4-5 เมตร ตัวผู้มี

  น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 1,200 กิโลกรัม ตัวเมียประมาณ 800 กิโลกรัม แต่มันเป็นวาฬชนิดเดียวที่มีเขี้ยวยาว

  เขี้ยวนี้เป็นฟันที่งอกออกมาจากขากรรไกรด้านบนผ่านมาทางริมฝีปาก และมีลักษณะเป็นเกลียว คล้ายกับ

  งาช้างที่พันเป็นเกลียวเหมือนเปียและมีปลายแหลม ซึ่งส่วนใหญ่เขี้ยวนี้จะพบในตัวผู้ พ่อค้าชาวไวกิ้งใน

  ศตวรรษที่ 10 จะขายเขี้ยวของมันให้กับชาวต่างประเทศ โดยอ้างว่าเป็นเขี้ยวของตัวยูนิคอร์น ส่วนชาวยุโรป

  ในยุคกลางเชื่อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอำนาจและมนต์ขลัง

  @@@####%%%%

 


อันดับ 6 Naked Mole Rats

   

 

  ตุ่น หนูไร้ขน เป็นสัตว์ไร้ขนเนื่องจากมันอาศัยอยู่ใต้ดินตลอดชีวิตเลยไม่จำเป็นต้องมีขนมากมาย มีผิวสีชมพู

  มีรอยเหี่่ยวย่ย อยู่อาศัยใต้พื้นดินเป็นกลุ่มมีนางพญาเป็นศูนย์กลาง แบ่งหน้าที่กันเหมือนแมลง โดยพวกมันมี

  การขุดอุโมงค์โดยใช้ฟันหน้า คล้ายกับพวกตัวตุ่น และมีผิวหนัง หาง คล้ายหนู แต่ในความเป็นจริงแล้ว มัน

  อยู่ในตระกูลเม่น ( Porcupin ) , กระรอก , หนูตะเภา มันเป็นยอดนักขุดที่สามารถขุดผ่านคอนกรีตได้ มี

  อุโมงค์ใต้ดินกินอาณาบริเวณมากถึง 6 สนาม ฟุตบอล พื้นใต้ดินจะถูกเชื่อมโยงด้วยโครงข่ายอุโมงค์ และมี

  หลายห้อง มีทั้งห้องเก็บอาหาร ห้องห้องนอน ห้องขับถ่าย ห้องเลี้ยงลูกอ่อน จะมีนางพญาอยู่ร่วมกับลูกอ่อน

  สัตว์ชนิดนี้พบในทุ่งหญ้าเขตร้อนของแอฟริกาตะวันออกและภายใต้เช่นเอธิโอเปีย, เคนยาและโซมาเลีย

@@@####%%%%

อันดับ 5 African Pygmy Hedgehog

   

 

  เม่นจิ๋ว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่มีหนามแหลมทั่วลำตัว มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในเขตร้อน เช่น แอฟริกา

  เอเซีย ใกล้เส้นศูนย์สูตร เป็นสัตว์ที่หากินในเวลากลางคืน ชอบเดินหากินสัตว์จำพวกไส้เดือน หนอน มดและ

  แมลงต่าง ๆ ส่วนในตอนกลางวันมักหลับนอนตามโพรงไม้ หรืออุโมงค์ดินที่ขุดขึ้นมาเอง มีนิสัยรักสงบ รัก

  สันโดษ เวลาตกใจมักม้วนตัวเป็นก้อนกลมคล้ายลูกบอลหนาม หนามของเม่นแคระไม่ได้แหลมคมมาก และ

  ที่สำคัญเม่นแคระเป็นเม่นชนิดเดียวในโลก ที่ไม่สามารถสลัดขนที่หลังได้

  ปัจจุบันเม่นแคระสามารถเพาะขยายพันธุ์ จนกลายเป็นสัตว์เลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเลี้ยงดูง่าย ซึ่ง

  เม่นแคระที่เกิดในกรงเลี้ยงจะทำให้นิสัยบางอย่างของสัตว์ป่าขาดหายไป เช่น เม่นแคระบางตัวก็กินอาหาร

  ในเวลากลางวัน (ซึ่งมันเป็นสัตว์หากินในเวลากลางคืน) ชอบวิ่งวงล้อคล้ายกับหนูแฮมสเตอร์ ชอบอาบน้ำอุ่น

  ชอบให้คนจับอุ้มเล่น เวลาตกใจไม่ทำตัวกลมเป็นลูกบอลหนาม แต่ทว่ากลับวิ่งหนีแทน เป็นต้น

@@@####%%%%

อันดับ 4 Silky Anteater

 

 

  ตัวกินมดแคระ มีถิ่นที่อยู่อาศัยที่ป่าดิบชื้นที่ทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เช่น ประเทศบราซิล และ

  เม็กซิโก เป็นต้น มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cyclopes didactylus เป็นตัวกินมดที่มีขนาดเล็กที่สุดมีความสูงเพียง

  30 – 40 เซนติเมตร น้ำหนักเพียง 200 – 500 กรัม มีอายุเฉลี่ยแค่ 2 ปี ลำตัวมีขนสีน้ำตาลทองจมูกสั้น มีหาง

  ยาวและแข็งแรงไว้สำหรับพันกิ่งไม้ เพื่อปืนปายอย่างง่ายดาย (พวกมันชอบอาศัยอยู่บนต้นนุ่นมาก) มันมีกรง

  เล็บเท้าหน้าที่แข็งแรงมาก เพื่อเกาะต้นไม้และป้องกันตัวจากศัตรู

  ตัวกินหมดแคระมีสายตาไม่ดี แต่มีประสาทการดมกลิ่นและการได้ยินที่ดีมาทดแทน ในช่วงเวลากลางวันตัว

  กินมดแคระจะนอนหลับอยู่บนต้นไม้ และออกหากินเวลากลางคืน ในหนึ่งคืนมันจะกินมดมากกว่า 8,000 ตัว

  โดยมันจะแลบลิ้นที่ยาวและมีสารเหนียวเข้าในรังมด เจ้ามดโชคร้ายจะติดสารเหนียวๆ ของลิ้นตัวกินมดแคระ

  ออกมา หากมันหามดกินไม่ได้ บางครั้งก็จะกินแมลงอื่นๆ เช่น เต่าทอง

  ตัวกินมดแคระเป็นสัตว์รักสันโดษชอบอยู่เพียงลำพังหรือไม่ก็อยู่กับคู่ของมันเท่านั้น มันจะผสมพันธุ์ในช่วงฤดู

  ร้อนและตั้งท้องนาน 5-6 เดือน และเลี้ยงดูลูกอยู่ในรังบนโพรงต้นไม้ จนกระทั่งอายุ 9 เดือน ลูกตัวกินมด

  แคระก็จะแยกตัวออกจากพ่อแม่ และหากินเองตามลำพัง ปัจจุบันเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ทำให้เราพบเห็นตัว

  มันน้อยมาก

@@@####%%%%

อันดับ 3 Sea Pig

   

 

  หมูทะเลหรือแตงกวาทะเล มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Scotoplanes พบได้ตามพื้นมหาสมุทรแปซิฟิก, มหาสมุทร

  แอตแลนติก และมหาสมุทรอินเดีย ที่ความลึกมากกว่า 1,000 เมตร มันเป็นสัตว์ในตระกูลปลิงทะเล (sea

  cucumber) ที่มีลักษณะอ้วนกลม ผิวสีชมพู มีปากที่คล้ายจมูกหมู มีระยางที่อยู่บริเวณส่วนท้อง ที่ค่อยทำ

  หน้าที่คล้ายขาเพื่อใช้ในการคลานบนพื้น มันสามารถฟองตัวให้ใหญ่ขึ้นจนกลม คล้ายหมู จึงทำให้เป็นที่มา

  ของชื่อหมูทะเล (Sea Pig) อาหารที่มันกินส่วนใหญ่จะเป็นพวกเศษซากพืช ซากสัตว์ ที่ปะปนอยู่ในโคลน

  ของพื้นทะเล

@@@####%%%%

อันดับ 2 Glass Squid

 

 

  หมึกแก้ว หรือ Cranchiidae เป็นปลาหมึกที่มีตาโตขนาดใหญ่ และมีลักษณะของตาจะแตกต่างกันออกไป

  แล้วแต่ชนิดของมัน รูปร่างบวมกลมยาวเหมือนซิการ์ หนวดเล็ก ขนาดตั้งแต่ 10 เซนติเมตรไปจนถึง 3 เมตร 

  จุดเด่นคือตัวมันใสมากๆ จนเห็นภายในเลยก็ว่าได้ ทำให้มันสามารถพรางตาหลบศัตรูหรือสามารถหาอาหารก็

  ได้ จะพบมันอยู่ในทะเลลึกเกือบทั่วโลก อาหารของมันก็คือแพลงก์ตอน

  @@@####%%%%

อันดับ 1 Pacific barreleye fish

   

 

  ปลาบาร์เริลอายแปซิฟิก (Pacific barreleye fish) หรือ (Macropinna microstoma) สามารถพบได้ในน้ำลึก

  มากกว่า 2000 ฟุต ( 600 เมตร ) ที่บริเวณเขตน่านน้ำ แคริฟอร์เนียกลาง ( California’s central coast )

  บริเวณที่แสงอาทิตย์ส่องลงไปไม่ถึง โดยมันจะมีหัวเป็นโดมโปร่งใสมีขนาดลำตัวยาวประมาณ 6 นิ้ว ( 15

  เซ็นติเมตร ) บริเวณส่วนหน้าที่เห็น 2 จุดเล็กนั้นไม่ใช่ตาแต่เป็น อวัยวะรับกลิ่น

  จุดเด่นของมัน คือส่วนหัวด้านบนที่โปร่งแสงจนเห็นอวัยวะภายในคล้ายช่องคนขับเครื่องบินรบ ( fighter-

  plane pit ) ส่วนลำตัวนั้นไม่โปร่ง พวกมันกินปลาตัวเล็กๆ รวมทั้งแพลงตอนเป็นอาหาร และเนื่องจากปลา

  ชนิดนี้มีลำตัวสีดำ แถมยังสามารถลอยนิ่งๆ ใต้ท้องทะเลอันมืดมิดได้ ทำให้บางครั้งเหยื่อไม่ทันสังเกต จึงตก

  เป็นอาหารอันโอชะของพวกมันได้อย่างง่ายดาย

  อย่างไรก็ดี บริเวณส่วนหัวที่โปร่งใสของปลาชนิดนี้ เต็มไปด้วยของเหลวใสและเป็นอะไรที่เปราะบางมาก

  ด้วยเหตุนี้เวลาที่นักวิจัยพยายามใช้แหจับพวกมันขึ้นมาศึกษา ส่วนหัวของพวกมันจึงมักถูกทำลายก่อน และ

  เมื่อไหร่ก็ตามที่หัวใสๆ ของมันถูกทำลายหรือแตกออก ดวงตาของพวกมันก็จะทะลักออกมาตามแรงดันของ

  น้ำลึก และทำให้พวกมันตายในที่สุด…. และด้วยเหตุนี้ในอดีตที่ผ่านมาจึงยังไม่เคยมีนักวิจัยคนไหนจับปลา

  ชนิดนี้มาเพื่อศึกษาแบบละเอียดได้เลย

ใส่ความเห็น